บ้านท่าเรือ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แค่เพียงเดินเข้ามาในศาลาก็เจอกับการแสดงที่ชาวบ้านเตรียมมาให้ชมพร้อมทั้งการบายศรีสู่ขวัญ การจำลองการละเล่นพื้นบ้านที่สร้างความสนุกสนานให้กับทุกคน
หมู่บ้านท่าเรือก่อตั้งมานานกว่าร้อยปี ทางด้านทิศเหนือติดกับอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยมีสะพานข้ามแม่น้ำมูลเป็นจุดขั้นกลาง ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนาและก็ประมงน้ำจืด คือการเลี้ยงปลานิลในกระชัง
ที่มาที่ไปของบ้านท่าเรือ ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าให้พี่ฟังว่าบริเวณนี้เคยเป็นท่าน้ำริมมูล พอดีมันมีเรือจากจีนมาจอดอยู่ฝั่งนี้พอดีมีดนตรีในตัวแล้วก็มีสินค้าแบบสินค้าไหแบบสมัยก่อนมาขายที่หมู่บ้านท่าเรือ จึงตั้งชื่อว่าบ้านท่าเรือ
อีกหนึ่งศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านที่นี่ก็คือวัดสุกาวาส วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าใหญ่อินแปลง ซึ่งเป็นหลวงพ่ออินแปลงจำลององค์ที่ 4 ของประเทศไทย ถือว่าเป็นที่ยึดเหนื่ยวจิตใจของชาวบ้านท่าเรือและบ้านใกล้เรือนเคียง
ที่บ้านท่าเรือจะมีโครงการจะจัดสร้างโบสถ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเทพพระรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
บริเวณวัดจะมีต้นมะม่วงเก่าแก่โบราณอายุประมาณ 70 ปี และต้นมะขามยักษ์อายุประมาณร้อยปี อยู่ในบริเวณวัด เมื่อเดินไปรอบๆ จะเห็นเตาเผาถ่านโบราณ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังใช้ในการเผาฟืน เป็นวัดที่มีเรื่องราวและน่าสนใจมากๆอีกหนึ่งที่
ถัดจากวัดไปดูการสาธิตเกษตรพอเพียงของชาวบ้าน ทั้งเพาะเห็ดฟางริมบ่อเลี้ยงปลา ปลูกข้าวโพดเป็นการเรียนรู้แบบพอเพียงที่ดีทีเดียว ส่วนทางด้านที่พักแบบโฮมสเตย์ของที่นี่ ก็สะดวกสบาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย
เมื่อมีงานรื่นเริงต่างๆหรือมีแขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยมเยือน ชาวบ้านต่างพากันร่วมทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งอาหารที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์และขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือลาบเห็ดยูคา เป็นเห็ดธรรมชาติเกิดขึ้นในบริเวณป่ายูคาลิปตัส จะพบในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและหาของฝากซึ่งสินค้า OTOP ที่นี่ก็มีให้เลือกมากมายหลายอย่าง
ไปดูการหาปลารากกล้วยแบบวิธีช้อนปลาคือการหาปลาแบบลักษณะร่อนสวิงคล้ายๆการร่อนทอง เนื่องจากแม่น้ำมูลมีลักษณะเป็นพื้นทราย ปลาที่อาศัยถือปลารากกล้วย ภาพชาวบ้านที่มาช้อนปลารากกล้วยยังเป็นภาพที่ชินตาของชุมชนแถบนี้
ซึ่งในการท่องเที่ยว 1 วัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศรอบรอบริมแม่น้ำมูล วิวทิวทัศน์ยามเย็น เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ เส้นทางปั่นจักรยานรอบๆราวประมาณ 1 กิโลเมตร ถือว่าได้มาพักผ่อนทั้งกายและใจรวมกันไปเลยทีเดียว
อีกหนึ่งความประทับใจที่ยากที่จะลืมเลย ยิ่งทำให้รู้สึกหลงใหลและประทับใจกับหมู่บ้านท่าเรือแห่งนี้จริงๆ ความสุข ความผ่อนคลายกับบรรยากาศ ความสนุกสนาน ความเป็นกันเองของคนที่นี่และบรรยากาศแบบนี้ คงทำให้ใครหลายๆคนอยากที่จะกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง